วันจันทร์ที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2568

ไขข้อสงสัย: ไม้เอ็นจิเนียร์คืออะไร? ดีกว่าไม้จริงหรือไม้เทียมอย่างไร?

 


ไขข้อสงสัย: ไม้เอ็นจิเนียร์คืออะไร? ดีกว่าไม้จริงหรือไม้เทียมอย่างไร?

ในโลกของวัสดุตกแต่งบ้าน โดยเฉพาะงานพื้นและผนัง เรามักจะได้ยินคำว่า “ไม้เอ็นจิเนียร์” (Engineered Wood) อยู่บ่อยครั้ง แต่หลายคนอาจจะยังไม่เข้าใจว่าไม้ชนิดนี้คืออะไร และมีความแตกต่างจากไม้จริงหรือไม้เทียมที่เราคุ้นเคยอย่างไร บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกทุกแง่มุมของไม้เอ็นจิเนียร์ เพื่อไขข้อสงสัยและช่วยให้คุณตัดสินใจได้ว่าวัสดุชนิดนี้เหมาะกับบ้านของคุณหรือไม่

ไม้เอ็นจิเนียร์คืออะไร?

ไม้เอ็นจิเนียร์ คือผลิตภัณฑ์ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อแก้ไขข้อจำกัดของไม้จริง โดยมีโครงสร้างที่ซับซ้อนกว่า ประกอบด้วยชั้นต่างๆ ซ้อนกันอย่างเป็นระบบ โดยส่วนใหญ่จะประกอบด้วย:

  1. ชั้นบนสุด (Top Layer): เป็นชั้นไม้จริงที่ผ่านการคัดสรรอย่างดี มีความหนาประมาณ 1-6 มิลลิเมตร เป็นส่วนที่ให้ความสวยงามและสัมผัสที่เป็นธรรมชาติเหมือนไม้จริงทุกประการ

  2. ชั้นกลางและชั้นล่าง (Core and Bottom Layers): ประกอบด้วยวัสดุประเภทไม้อัด (Plywood) หรือแผ่นใยไม้อัดความหนาแน่นปานกลาง (MDF) ที่ถูกนำมาอัดซ้อนกันหลายชั้นในทิศทางที่แตกต่างกัน เพื่อสร้างโครงสร้างที่แข็งแรงและป้องกันการบิดงอ

ด้วยโครงสร้างแบบนี้ทำให้ไม้เอ็นจิเนียร์มีความแข็งแรงและทนทานกว่าไม้จริง และยังคงไว้ซึ่งความสวยงามและสัมผัสที่เป็นธรรมชาติของไม้จริงได้อย่างสมบูรณ์แบบ

ความแตกต่าง: ไม้เอ็นจิเนียร์ vs. ไม้จริง

ไม้จริงถูกยกย่องมาอย่างยาวนานในเรื่องความสวยงามและคุณค่าที่เพิ่มขึ้นตามกาลเวลา แต่ก็มีข้อจำกัดหลายประการที่ไม้เอ็นจิเนียร์เข้ามาแก้ไข:

  • ความทนทานต่อการบิดงอ: ไม้จริงมีโอกาสบิดงอและขยายตัวตามความชื้นและอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงได้ง่าย ทำให้เกิดปัญหาช่องว่างหรือพื้นปูดขึ้นได้ ในทางกลับกัน ไม้เอ็นจิเนียร์ที่มีโครงสร้างหลายชั้นช่วยลดปัญหานี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้พื้นมีความคงตัวสูง

  • ราคา: ไม้จริง โดยเฉพาะไม้เนื้อแข็งหายาก มีราคาสูงมาก ในขณะที่ไม้เอ็นจิเนียร์ใช้ไม้จริงเพียงชั้นบนสุด ทำให้สามารถควบคุมราคาให้เข้าถึงได้ง่ายกว่ามาก

  • การติดตั้ง: การติดตั้งไม้จริงมีความยุ่งยากและต้องอาศัยช่างผู้เชี่ยวชาญ ในขณะที่ไม้เอ็นจิเนียร์ถูกออกแบบมาให้ติดตั้งได้ง่ายและรวดเร็วกว่า

สรุป: ไม้เอ็นจิเนียร์จึงเป็นเหมือนการผสมผสานสิ่งที่ดีที่สุดของไม้จริงเข้ากับนวัตกรรมสมัยใหม่ ทำให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่สวยงามเหมือนไม้จริงแต่มีความทนทานและราคาที่จับต้องได้มากกว่า




ความแตกต่าง: ไม้เอ็นจิเนียร์ vs. ไม้เทียม

ไม้เทียม หรือที่เรียกว่าวัสดุสังเคราะห์ เช่น พื้นไม้ลามิเนต หรือพื้นไม้ SPC ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายเพราะความทนทานและราคาที่ไม่แพง แต่เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับไม้เอ็นจิเนียร์จะเห็นความแตกต่างดังนี้:

  • ผิวสัมผัส: ไม้เอ็นจิเนียร์ใช้ไม้จริงเป็นชั้นบนสุด ทำให้มีผิวสัมผัสและลวดลายที่เป็นธรรมชาติอย่างแท้จริง ในขณะที่ไม้เทียมเป็นลวดลายที่พิมพ์ลงบนวัสดุ ทำให้ขาดความเป็นธรรมชาติและผิวสัมผัสที่แท้จริงของไม้

  • การซ่อมแซม: หากไม้เอ็นจิเนียร์มีรอยขีดข่วน สามารถขัดและทำสีใหม่ได้เหมือนไม้จริง ในขณะที่ไม้เทียมเมื่อเกิดรอยขีดข่วนแล้วจะไม่สามารถซ่อมแซมได้ ต้องเปลี่ยนแผ่นใหม่เท่านั้น

  • คุณค่า: ไม้เอ็นจิเนียร์มีคุณค่าที่สูงกว่าไม้เทียม เนื่องจากยังมีส่วนประกอบของไม้จริง ทำให้เพิ่มมูลค่าให้กับบ้านได้ในระยะยาว

สรุป: หากคุณต้องการความสวยงามและสัมผัสที่แท้จริงของไม้ แต่ต้องการความทนทานที่มากกว่าไม้จริงและงบประมาณที่จำกัด ไม้เอ็นจิเนียร์คือคำตอบที่ลงตัวที่สุด

บทสรุป: ใครควรเลือกใช้ไม้เอ็นจิเนียร์?

ไม้เอ็นจิเนียร์คือทางเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ที่ต้องการความสวยงามและคุณค่าที่แท้จริงของไม้ แต่ไม่ต้องการเผชิญกับปัญหาการดูแลรักษาที่ยุ่งยากและราคาที่สูงลิบลิ่วของไม้จริง เป็นตัวเลือกที่อยู่ตรงกลางระหว่างความงามของไม้จริงและความทนทานของไม้สังเคราะห์ ทำให้คุณได้พื้นไม้ที่สวยงามคงทน และยังคงคุณค่าของความเป็นธรรมชาติได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นการตกแต่งพื้นห้องนั่งเล่น พื้นบันได หรือพื้นในห้องนอน ไม้เอ็นจิเนียร์ก็สามารถตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างสมบูรณ์แบบ

ทางเลือกที่เหนือกว่า: ระแนงอลูมิเนียมลายไม้ VS. ระแนงไม้เทียม เลือกแบบไหนดีให้คุ้มค่าที่สุด?

 

ทางเลือกที่เหนือกว่า: ระแนงอลูมิเนียมลายไม้ VS. ระแนงไม้เทียม เลือกแบบไหนดีให้คุ้มค่าที่สุด?





ในยุคที่วัสดุก่อสร้างและตกแต่งบ้านมีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด "ระแนง" กลายเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยเพิ่มมิติและความสวยงามให้กับอาคาร ทั้งยังทำหน้าที่เป็นรั้ว, แผงบังตา, หรือตกแต่งผนังภายนอกให้ดูทันสมัยและเป็นธรรมชาติมากขึ้น แต่เมื่อพูดถึงการเลือกวัสดุ หลายคนอาจจะลังเลระหว่างสองตัวเลือกยอดนิยมอย่าง ระแนงอลูมิเนียมลายไม้ และ ระแนงไม้เทียม ซึ่งแต่ละแบบต่างก็มีข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน บทความนี้จะเจาะลึกเพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้ว่าตัวเลือกไหนที่ "คุ้มค่า" ที่สุดสำหรับบ้านของคุณ

1. ความสวยงามและลวดลาย

  • ระแนงไม้เทียม (WPC): ผลิตจากผงไม้ผสมพลาสติก ทำให้มีผิวสัมผัสและลวดลายที่ใกล้เคียงไม้จริงมากที่สุด ให้ความรู้สึกอบอุ่นและเป็นธรรมชาติ แต่ข้อจำกัดคือลวดลายอาจจะซ้ำๆ และสีอาจซีดจางเมื่อเวลาผ่านไป

  • ระแนงอลูมิเนียมลายไม้: ใช้เทคโนโลยีการเคลือบสีลายไม้ (Powder Coating หรือ Sublimation) ทำให้ได้ลวดลายที่คมชัดและสมจริง มีสีให้เลือกหลากหลายและคงทนต่อแสงแดดได้ดีกว่า ทำให้สีไม่ซีดจางง่ายๆ แม้จะโดนแดดแรงเป็นเวลานาน

สรุปด้านความสวยงาม: หากต้องการผิวสัมผัสที่เหมือนไม้จริงที่สุด ระแนงไม้เทียมอาจจะตอบโจทย์มากกว่า แต่ถ้าต้องการความสวยงามที่คงทนและสีไม่เปลี่ยนไปตามกาลเวลา ระแนงอลูมิเนียมลายไม้คือตัวเลือกที่เหนือกว่า

2. ความทนทานและอายุการใช้งาน

  • ระแนงไม้เทียม: ทนทานต่อปลวกและแมลง, กันน้ำและทนความชื้นได้ดี แต่เมื่อโดนแดดจัดเป็นเวลานาน อาจเกิดการโก่งงอหรือบิดตัวได้ และอาจเกิดรอยขีดข่วนได้ง่ายกว่าระแนงอลูมิเนียม

  • ระแนงอลูมิเนียมลายไม้: มีคุณสมบัติเด่นเรื่องความแข็งแรงทนทานสูง ไม่เป็นสนิม ไม่บิดงอหรือผุกร่อน แม้จะติดตั้งในบริเวณที่โดนแดดจัดหรือฝนตกหนักก็ยังคงสภาพเดิมได้ดีเยี่ยม มีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่าระแนงไม้เทียมอย่างเห็นได้ชัด

สรุปด้านความทนทาน: ระแนงอลูมิเนียมลายไม้มีความทนทานต่อสภาพอากาศและการใช้งานที่เหนือกว่ามาก ทำให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่าระแนงไม้เทียม

3. การบำรุงรักษา

  • ระแนงไม้เทียม: ไม่ต้องทาสีหรือทาน้ำยาเคลือบเหมือนไม้จริง แต่การทำความสะอาดอาจต้องใช้แปรงขัดเพื่อกำจัดคราบสกปรก และในระยะยาวอาจต้องเปลี่ยนบางส่วนหากเกิดการชำรุดเสียหาย

  • ระแนงอลูมิเนียมลายไม้: ดูแลรักษาง่ายที่สุด เพียงแค่ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดทำความสะอาดก็เพียงพอ ไม่ต้องทาสีหรือซ่อมแซมบ่อยๆ ทำให้ประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่ายในระยะยาว

สรุปด้านการบำรุงรักษา: ระแนงอลูมิเนียมลายไม้เป็นตัวเลือกที่แทบไม่ต้องบำรุงรักษาเลย ทำให้เป็นตัวเลือกที่สะดวกสบายสำหรับเจ้าของบ้านที่ไม่มีเวลาดูแล

4. ราคาและการติดตั้ง

  • ระแนงไม้เทียม: มีราคาเริ่มต้นที่ถูกกว่าระแนงอลูมิเนียม และน้ำหนักที่มากกว่า ทำให้การติดตั้งอาจต้องใช้เวลาและแรงงานที่มากกว่า

  • ระแนงอลูมิเนียมลายไม้: มีราคาสูงกว่า แต่ด้วยน้ำหนักที่เบา ทำให้การขนส่งและติดตั้งทำได้ง่ายและรวดเร็วกว่า ช่วยประหยัดค่าแรงงานและเวลาในการติดตั้ง

สรุปด้านราคา: แม้ระแนงไม้เทียมจะมีราคาเริ่มต้นที่ต่ำกว่า แต่เมื่อคำนึงถึงค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาและการซ่อมแซมในระยะยาว ระแนงอลูมิเนียมลายไม้กลับกลายเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่ากว่า

บทสรุป: เลือกแบบไหนดี?

คำตอบขึ้นอยู่กับปัจจัยที่คุณให้ความสำคัญ:

  • ถ้าคุณต้องการความรู้สึกและสัมผัสที่ใกล้เคียงไม้จริงมากที่สุด และรับได้กับการบำรุงรักษาเล็กน้อยในระยะยาว ระแนงไม้เทียม คือคำตอบ

  • ถ้าคุณให้ความสำคัญกับความทนทานสูงสุด อายุการใช้งานที่ยาวนาน และการดูแลรักษาที่ง่ายที่สุด โดยไม่เกี่ยงเรื่องราคาเริ่มต้นที่สูงกว่า ระแนงอลูมิเนียมลายไม้ คือตัวเลือกที่ "คุ้มค่า" และเหนือกว่าในทุกๆ ด้าน

ไม่ว่าคุณจะเลือกวัสดุไหน สิ่งสำคัญคือการเลือกซื้อจากผู้ผลิตที่น่าเชื่อถือ และตรวจสอบคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับความต้องการของคุณ เพื่อให้ได้ระแนงที่สวยงาม ทนทาน และตอบโจทย์การใช้งานของบ้านคุณได้อย่างแท้จริง

เจาะลึกเทรนด์การตกแต่ง: ระแนงไม้เทียมและพื้นไม้สังเคราะห์ ทางเลือกใหม่ที่ตอบโจทย์ทั้งความสวยงามและความทนทาน

 

เจาะลึกเทรนด์การตกแต่ง: ระแนงไม้เทียมและพื้นไม้สังเคราะห์ ทางเลือกใหม่ที่ตอบโจทย์ทั้งความสวยงามและความทนทาน

ในโลกของการออกแบบและตกแต่งบ้าน วัสดุและเทรนด์ใหม่ๆ มักจะเกิดขึ้นอยู่เสมอ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้อยู่อาศัยที่เปลี่ยนไป ทั้งในด้านความสวยงาม ความทนทาน และความยั่งยืน หนึ่งในเทรนด์ที่มาแรงและได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องคือการใช้วัสดุสังเคราะห์อย่าง ระแนงไม้เทียม และ พื้นไม้สังเคราะห์ ซึ่งเข้ามาเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจแทนที่ไม้จริงแบบดั้งเดิม



ทำไมไม้สังเคราะห์ถึงเป็นที่นิยม?

ในอดีต ไม้จริงถือเป็นวัสดุหลักในการสร้างบ้านและงานตกแต่งต่างๆ เพราะให้ความรู้สึกอบอุ่น สวยงาม และเป็นธรรมชาติ แต่ด้วยข้อจำกัดหลายอย่าง เช่น ปัญหาเรื่องราคาที่สูงขึ้นเรื่อยๆ การดูแลรักษาที่ยุ่งยาก และความไม่ทนทานต่อปลวก เชื้อรา หรือสภาพอากาศ ทำให้ไม้สังเคราะห์เข้ามามีบทบาทสำคัญ เพราะมีคุณสมบัติที่เหนือกว่าในหลายๆ ด้าน:

  • ความทนทานสูง: วัสดุเหล่านี้มักถูกผลิตขึ้นเพื่อทนทานต่อสภาพอากาศที่รุนแรง ทั้งแดด ฝน และความชื้น ไม่บิดงอหรือผุพังง่ายๆ เหมือนไม้จริง

  • ป้องกันปลวกและแมลง: ปัญหาใหญ่ของไม้จริงจะหมดไป เพราะวัสดุสังเคราะห์ไม่เป็นอาหารของปลวกและแมลงต่างๆ

  • การดูแลรักษาง่าย: ไม่ต้องทาน้ำยาเคลือบผิวหรือขัดเงาเป็นประจำ แค่ทำความสะอาดทั่วไปก็เพียงพอ

  • เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม: ช่วยลดการใช้ไม้จริง ทำให้การตัดไม้ทำลายป่าน้อยลง

ระแนงไม้เทียม: เสน่ห์ที่ผสานระหว่างธรรมชาติและความทันสมัย

ระแนงเป็นองค์ประกอบที่สำคัญในการตกแต่งบ้าน ทั้งในเชิงฟังก์ชันและสุนทรียภาพ ระแนงไม้เทียม ถูกนำมาใช้ตกแต่งผนังภายนอกเพื่อเพิ่มมิติให้ตัวบ้านดูน่าสนใจ หรือใช้เป็นรั้วและระแนงบังตาเพื่อสร้างความเป็นส่วนตัว ระแนงไม้เทียมในปัจจุบันถูกพัฒนาให้มีลวดลายและผิวสัมผัสที่ใกล้เคียงไม้จริงมาก จนแทบแยกไม่ออก แต่ในขณะเดียวกันก็มีคุณสมบัติที่เหนือกว่า ทั้งความทนทานต่อน้ำและความชื้น หมดกังวลเรื่องการบวมหรือบิดงอ

นอกจากนี้ ยังมี ระแนงอลูมิเนียม ลายไม้เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน ด้วยน้ำหนักที่เบากว่า ทนทานต่อสนิม และติดตั้งง่าย ทำให้เหมาะสำหรับงานตกแต่งภายนอกที่ต้องการความแข็งแรงและอายุการใช้งานที่ยาวนาน

พื้นไม้สังเคราะห์: ทางเลือกใหม่สำหรับทุกห้องในบ้าน

ในส่วนของพื้นบ้าน การใช้ พื้นไม้สังเคราะห์ กำลังกลายเป็นเทรนด์หลัก ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่นและหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น:

  • พื้นไม้เทียมแบบภายนอก: มักทำจากวัสดุพลาสติกผสมไม้ (Wood Plastic Composite - WPC) ทนทานต่อแดดและฝน เหมาะสำหรับงานพื้นระเบียง รอบสระว่ายน้ำ หรือทางเดินในสวน

  • พื้นไม้เอ็นจิเนียร์: เป็นการนำไม้จริงมาประกอบกับวัสดุอื่นๆ ทำให้ได้ความสวยงามของไม้จริง แต่มีความทนทานและราคาที่จับต้องได้มากกว่า

  • พื้นไม้ SPC (Stone Plastic Composite): เป็นนวัตกรรมใหม่ที่มาแรงสุดๆ ด้วยคุณสมบัติกันน้ำ 100% ทนต่อรอยขีดข่วน และติดตั้งง่าย ทำให้เหมาะสำหรับทุกห้องในบ้าน แม้แต่ในห้องน้ำหรือห้องครัวที่มักมีความชื้นสูง

การเลือกใช้ พื้นไม้สังเคราะห์ ทำให้คุณสามารถสร้างบรรยากาศอบอุ่นเหมือนไม้จริงได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการดูแลรักษาที่ยุ่งยาก และยังมั่นใจได้ในเรื่องความทนทานที่ยาวนานอีกด้วย

เทรนด์การใช้ ระแนงไม้เทียม และ พื้นไม้สังเคราะห์ ไม่ได้เป็นเพียงกระแสชั่วคราว แต่เป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์การอยู่อาศัยในยุคปัจจุบันได้อย่างแท้จริง ทั้งในด้านความสวยงามที่ใกล้เคียงธรรมชาติ ความทนทานที่เหนือกว่า และการดูแลรักษาที่ง่ายดาย ทำให้เจ้าของบ้านสามารถสร้างสรรค์พื้นที่ในฝันได้โดยไม่ต้องแลกมากับภาระที่หนักหน่วงในระยะยาว




วันจันทร์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2568

5 ข้อดีของฝ้าไม้เทียมที่คุณควรรู้ก่อนตกแต่งบ้าน


5 ข้อดีของฝ้าไม้เทียมที่คุณควรรู้ก่อนตกแต่งบ้าน

หากคุณกำลังมองหาวัสดุที่สวยงาม ทนทาน และช่วยเพิ่มความอบอุ่นให้กับบ้านของคุณ ฝ้าไม้เทียมผนังไม้เทียม อาจเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ความต้องการของคุณได้อย่างสมบูรณ์แบบ ในบทความนี้ เราจะพาคุณมาทำความรู้จักกับข้อดีเด่น ๆ ของฝ้าไม้เทียมที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจเลือกใช้วัสดุตกแต่งบ้านที่ตอบสนองทั้งความสวยงามและการใช้งาน

1. ความทนทานที่เหนือกว่าไม้จริง

ฝ้าไม้เทียมผลิตจากวัสดุสังเคราะห์ที่ถูกออกแบบมาให้มีความแข็งแรงและทนทานต่อสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย เช่น ความชื้น อุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลง และแมลงศัตรูไม้ ซึ่งวัสดุไม้จริงอาจเสี่ยงต่อการผุกร่อนหรือเสียหายได้ง่ายในระยะยาว ฝ้าไม้เทียมจึงเหมาะกับการใช้งานในพื้นที่ที่มีความชื้นสูง เช่น ห้องน้ำ ห้องครัว หรือบริเวณภายนอกบ้าน

ข้อดีที่โดดเด่น

  • ไม่บวม หรือโก่งตัวเมื่อเจอความชื้น
  • ทนต่อรังสี UV และแสงแดดโดยไม่ซีดจางง่าย
  • ไม่เกิดปัญหาปลวกหรือแมลงกัดกิน

2. ติดตั้งง่าย ลดเวลาและค่าใช้จ่าย

ฝ้าไม้เทียมถูกออกแบบให้มีน้ำหนักเบาและติดตั้งได้ง่ายเมื่อเปรียบเทียบกับวัสดุไม้จริง คุณสามารถเลือกติดตั้งเองหรือจ้างผู้เชี่ยวชาญโดยไม่ต้องเสียเวลาและค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมมากมาย อีกทั้งยังมีรูปแบบที่สามารถติดตั้งได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นแบบแนวนอน แนวตั้ง หรือแนวเฉียง ตามสไตล์ที่คุณต้องการ

ข้อดีที่โดดเด่น

  • ลดเวลาการติดตั้งลงได้อย่างมาก
  • ประหยัดค่าแรงและต้นทุนการติดตั้ง
  • รองรับการใช้งานกับพื้นที่หลากหลาย

3. ความสวยงามที่หลากหลายและใกล้เคียงธรรมชาติ

ด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย ฝ้าไม้เทียมสามารถจำลองลวดลายและพื้นผิวที่เหมือนไม้ธรรมชาติได้อย่างสมจริง ทั้งนี้ยังมีตัวเลือกของสี ลวดลาย และขนาดที่หลากหลาย เพื่อให้คุณสามารถเลือกใช้ให้เหมาะสมกับการตกแต่งบ้านในทุกสไตล์ ไม่ว่าจะเป็นบ้านสไตล์โมเดิร์น วินเทจ หรือคลาสสิก

ข้อดีที่โดดเด่น

  • มีสีและลวดลายให้เลือกหลากหลาย
  • พื้นผิวสัมผัสเหมือนไม้จริง
  • รองรับการตกแต่งในสไตล์ที่หลากหลาย

4. การดูแลรักษาง่าย

หนึ่งในข้อดีที่ทำให้ฝ้าไม้เทียมเป็นที่นิยมคือการดูแลรักษาที่ง่ายและไม่ยุ่งยาก คุณสามารถทำความสะอาดด้วยผ้าชุบน้ำหรือสารทำความสะอาดพื้นฐาน โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการซึมของน้ำหรือการเกิดรอยเปื้อนถาวรเหมือนไม้จริง

ข้อดีที่โดดเด่น

  • ทนต่อคราบสกปรกและน้ำ
  • ไม่ต้องใช้น้ำยาเคลือบหรือป้องกันปลวก
  • ลดภาระและค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาระยะยาว

5. เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ฝ้าไม้เทียมเป็นวัสดุที่สามารถรีไซเคิลได้และมีการใช้ทรัพยากรธรรมชาติในกระบวนการผลิตน้อยกว่าไม้จริง ทำให้เป็นทางเลือกที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการช่วยลดการตัดไม้ทำลายป่าและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

ข้อดีที่โดดเด่น

  • สนับสนุนการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ
  • ลดปริมาณขยะที่ไม่สามารถย่อยสลาย
  • ส่งเสริมการตกแต่งบ้านที่ยั่งยืน

ฝ้าไม้เทียมไม่เพียงแต่ตอบโจทย์เรื่องความสวยงามและการใช้งานที่หลากหลาย แต่ยังช่วยลดภาระการดูแลรักษาและมีความทนทานสูง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการวัสดุตกแต่งบ้านที่มีคุณภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หากคุณกำลังมองหาตัวเลือกที่คุ้มค่า ฝ้าไม้เทียมอาจเป็นคำตอบที่สมบูรณ์แบบสำหรับบ้านในฝันของคุณ

เลือกฝ้าไม้เทียมที่เหมาะสมกับบ้านของคุณ แล้วสร้างพื้นที่ที่สวยงามและอบอุ่นที่คุณจะหลงรักได้ตั้งแต่วันนี้! 

วันอาทิตย์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2568

การใช้งานระแนงอลูมิเนียมในบ้านยุคใหม่

การใช้งานระแนงอลูมิเนียมในบ้านยุคใหม่

ในยุคที่การออกแบบบ้านและการตกแต่งภายในได้รับความสำคัญมากขึ้น ระแนงอลูมิเนียมได้กลายเป็นวัสดุที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เนื่องจากความแข็งแรง ทนทาน และดีไซน์ที่หลากหลายที่สามารถตอบโจทย์ทุกสไตล์บ้านได้ ไม่ว่าจะเป็นบ้านสไตล์โมเดิร์น มินิมอล หรือทรอปิคอล วัสดุนี้ยังช่วยสร้างความสวยงามและเพิ่มฟังก์ชันการใช้งานให้กับบ้านได้เป็นอย่างดี

ระแนงอลูมิเนียม มีคุณสมบัติเด่นที่เหมาะสำหรับบ้านยุคใหม่ เช่น การกันน้ำ การทนต่อแสงแดด และการดูแลรักษาที่ง่ายดาย นอกจากนี้ยังช่วยลดปัญหาการผุกร่อนหรือปลวกกินซึ่งเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในวัสดุไม้ นอกจากนั้น การใช้งานระแนงอลูมิเนียมยังสามารถช่วยประหยัดพลังงานโดยการลดความร้อนเข้าสู่ตัวบ้าน ทำให้บ้านเย็นสบายมากขึ้น

การใช้ระแนงอลูมิเนียมเป็นระแนงบังแดดและบังสายตา

หนึ่งในฟังก์ชันหลักของระแนงอลูมิเนียมคือการใช้เป็นระแนงบังแดดและบังสายตา ซึ่งเหมาะสำหรับพื้นที่ที่ต้องการความเป็นส่วนตัว เช่น ระเบียงบ้าน สนามหลังบ้าน หรือพื้นที่พักผ่อนกลางแจ้ง ระแนงอลูมิเนียมสามารถปรับองศาเพื่อบังแดดและควบคุมการไหลเวียนของอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ในด้านของการออกแบบ ระแนงอลูมิเนียมสามารถเลือกสีและลวดลายให้เข้ากับตัวบ้านได้อย่างง่ายดาย เช่น การใช้ระแนงสีดำเพื่อเพิ่มความหรูหรา หรือการใช้ระแนงสีขาวเพื่อเพิ่มความรู้สึกโปร่งโล่ง อีกทั้งยังสามารถออกแบบให้เป็นระบบอัตโนมัติสำหรับการปรับองศาของระแนงด้วยรีโมทคอนโทรล เพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้งาน

การตกแต่งผนังและกำแพงด้วยระแนงอลูมิเนียม

ระแนงอลูมิเนียมไม่เพียงแค่ใช้ในงานบังแดด แต่ยังสามารถนำมาตกแต่งผนังและกำแพงได้อีกด้วย การใช้ระแนงอลูมิเนียมในลักษณะนี้ช่วยเพิ่มความโดดเด่นให้กับบ้าน เช่น การตกแต่งผนังห้องรับแขกด้วยระแนงที่มีลวดลายเฉพาะตัว หรือการใช้ระแนงเป็นแผงกำแพงในสวนหน้าบ้านเพื่อเพิ่มความสวยงาม

ในแง่ของการใช้งานภายนอก ผนังที่ตกแต่งด้วยระแนงอลูมิเนียมสามารถทนต่อสภาพอากาศได้ดี ทั้งฝนและแดด โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการซีดจางหรือการผุกร่อน อีกทั้งยังสามารถปรับเปลี่ยนดีไซน์ได้ง่ายเมื่อผู้ใช้งานต้องการเปลี่ยนสไตล์บ้าน

การใช้ระแนงอลูมิเนียมในงานภายนอกและภายใน

ระแนงอลูมิเนียมสามารถนำไปใช้งานได้หลากหลายในทั้งงานภายนอกและภายในบ้าน ตัวอย่างเช่น

งานภายนอก: ใช้ระแนงอลูมิเนียมเป็นกันสาดที่ให้ร่มเงาในลานจอดรถ หรือใช้ตกแต่งรั้วบ้านเพื่อเพิ่มความสวยงามและความเป็นส่วนตัว

งานภายใน: ใช้ระแนงอลูมิเนียมเป็นฉากกั้นห้องเพื่อสร้างพื้นที่แบ่งสัดส่วน หรือใช้ตกแต่งเพดานเพื่อเพิ่มความมีมิติให้กับห้อง

ข้อดีของการใช้ระแนงอลูมิเนียม คือการมีน้ำหนักเบา ติดตั้งง่าย และสามารถถอดเปลี่ยนหรือเคลื่อนย้ายได้สะดวก นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มความสวยงามและสร้างบรรยากาศที่เป็นเอกลักษณ์ให้กับบ้าน

ตัวอย่างการใช้งานระแนงอลูมิเนียมในบ้านสไตล์มินิมอล

บ้านสไตล์มินิมอลเน้นความเรียบง่ายและโปร่งโล่ง การใช้ระแนงอลูมิเนียมจึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมอย่างยิ่ง ตัวอย่างการใช้งานได้แก่

การใช้ระแนงอลูมิเนียมสีขาว: ติดตั้งระแนงบริเวณหน้าต่างเพื่อบังแดดและเพิ่มความเป็นส่วนตัว โดยยังคงความโปร่งของแสงธรรมชาติ

การตกแต่งผนังห้องนั่งเล่น: ใช้ระแนงอลูมิเนียมที่มีลวดลายเรียบง่าย เพิ่มความมีมิติให้กับผนัง

การสร้างฉากกั้นพื้นที่: ใช้ระแนงอลูมิเนียมเป็นฉากกั้นระหว่างห้องครัวและห้องรับประทานอาหาร เพื่อแบ่งสัดส่วนโดยไม่ทำให้พื้นที่ดูอึดอัด

การเลือกใช้ระแนงอลูมิเนียมในบ้านสไตล์มินิมอลไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มความสวยงาม แต่ยังเพิ่มความทันสมัยและฟังก์ชันการใช้งานที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่อีกด้วย

ระแนงอลูมิเนียม เป็นวัสดุที่ตอบโจทย์การตกแต่งบ้านในยุคใหม่ ด้วยคุณสมบัติที่หลากหลาย ทั้งความทนทาน ความสวยงาม และฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลาย การใช้งานระแนงอลูมิเนียมสามารถปรับให้เหมาะกับบ้านได้หลากหลายสไตล์ ไม่ว่าจะเป็นบ้านโมเดิร์น มินิมอล หรือสไตล์ทรอปิคอล การเลือกใช้วัสดุนี้ไม่เพียงช่วยเพิ่มความสวยงาม แต่ยังช่วยเพิ่มประโยชน์ใช้สอยให้กับบ้านได้อย่างครบครัน 



วันพฤหัสบดีที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565

 ไม้สังเคราะห์  WPC และ ไม้สังเคราะห์ไฟเบอร์ซีเมนต์ ต่างกันอย่างไรใช้อันนี้ดีกว่านะ


ไม้เทียม

ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุคสมัย การใช้ไม้ในการตกแต่งที่พักอาศัย ยังคงได้รับความนิยมอย่างมาก ด้วยความงามตามธรรมชาติของไม้ ไม่ว่าจะตกแต่งอย่างไร ก็ยังคงความสวยคลาสสิกเสมอ

แต่ปัจจุบัน ไม้จริงหาได้ยาก เนื่องจากราคาที่แพง และค่อนข้างมีปัญหาตามมาภายหลัง ไม่ว่าจะเป็นอายุการใช้งานน้อย ผุพังง่าย ไม้บวมน้ำ เกิดปัญหาเห็ดและราตามมา และอีกปัญหาใหญ่ก็คือ ปัญหาปลวก เพราะปัญหาต่าง ๆ ของไม้จริง ทำให้เกิดการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อมาทนแทนและแก้ปัญหาต่าง ๆ ของไม้จริง

ไม้สังเคราะห์หรือไม้เทียมจึงเป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ เพื่อใช้ทดแทนไม้จริง

ไม้สังเคราะห์มีอยู่หลายประเภท คุณสมบัติแตกต่างกันออกไป แน่นอนว่า ความสวยงาม อายุการใช้งาน ความคงทน รวมถึงราคา ก็แตกต่างกันไปตามวัตถุดิบที่ใช้เป็นส่วนผสมการผลิต

โดยบทความนี้จะทำการยกตัวอย่างสินค้ากลุ่มไม้สังเคราะห์ที่จำหน่ายในท้องตลาดที่ผู้บริโภคส่วนใหญ่รู้จัก ได้แก่ ไฟเบอร์ซีเมนต์ ที่จำหน่ายในท้องตลาดมาเป็นระยะเวลานานกว่า 20 ปี และ ไม้สังเคราะห์ WPC ที่เริ่มเข้ามาจำหน่ายและมีบทบาทในท้องตลาดในช่วงหลัง ระยะเวลาไม่เกิน 15 ปี  โดยเน้นที่ ข้อดี และขอจำกัด ในแต่ละวัสดุที่นำมาผลิตเป็นสินค้า เพื่อเป็นใช้ในการตัดสินใจเลือกสิ่งที่ พอเหมาะพอสม กับการใช้งานให้ได้ประโยชน์สูงสุดกับผู้บริโภค

ไม้สังเคราะห์ไฟเบอร์ซีเมนต์ (Fiber Cement) คืออะไร

เป็นผลิตภัณฑ์ทดแทนไม้จริง ซึ่งผลิตจากการผสมปอร์ตแลนด์ซีเมนต์ ปูน ทรายซิลิกา เส้นใยเยื่อไม้หรือเซลลูโลสที่ยืดหยุ่นทนทาน และน้ำเข้าด้วยกัน นำมาผ่านกระบวนการอัดแท่งและอบ เพื่อให้ได้รูปทรงหรือขนาดต่าง ๆ ตามลักษณะการใช้งาน เช่น ไม้ระแนง ไม้พื้น ไม้ฝ้าและผนัง ราคาไม่แพง

ข้อดีของไม้ไฟเบอร์ซีเมนต์

  • สามารถทำสีและเลือกสีได้หลากหลาย
  • ตัดแต่ง เลื่อย เจาะสกรูได้เหมือนไม้จริง
  • ปราศจากปลวก มอด และแมลงกินไม้
  • สามารถทำมาทดแทนการใช้ไม้จริงได้หลายหลาย เช่น พื้น ระแนง เชิงชาย ฝ้า ผนัง
ข้อจำกัด
  • เนื้อเปราะ แตกหักง่าย เมื่อโดนกระแทก
  • ไม่ทนแดดทนฝน เมื่อใช้ไปในระยะเวลานาน เนื้อผลิตภัณฑ์มีโอกาสเปื่อยยุ่ยได้
  • เมื่อสัมผัสหรือเหยียบแล้วร้อน เพราะทำผลิตจากซีเมนต์
  • สีหลุดลอกได้ง่าย เมื่อโดนขูดจะเกิดรอยและเห็นเนื้อปูนสีขาวได้ชัด ขัดแก้ผิวหน้าไม่ได้
  • ตอนตัดตกแต่งไม้ระหว่างติดตั้ง มีเศษละอองของซีเมนต์ฟุ้งกระจาย


มารู้จักไม้สังเคราะห์ WPC



Wood Plastic Composite (WPC) คือ ผลิตภัณฑ์ทดแทนไม้จริง ผลิตมาจากการใช้ผงไม้ พลาสติกชนิดโพลิเมอร์เอทีลีน หรือ PE สารเติมแต่ง แล้วขึ้นรูปตามกระบวนที่แต่งต่างกันไปของแต่ละเทคโนโลยี จนออกมาเป็นไม้สังเคราะห์ หรือ ไม้เทียม ที่พร้อมใช้งาน

ไม้เทียม สังเคราะห์ชนิด WPC เอง ก็ออกแบบมาหลายรุ่น ทั้งรุ่นเท่าไป ไม่เคลือบผิว แต่ใช้งานภายนอกไม่ดีนัก จึงมีการวิจัยและพัฒนาสินค้าไม้สังเคราะห์ให้สาเหตุใช้งานภายนอกได้ดี ทนแดด ทนฝน ไม่เปราะง่าย

ไม้สังเคราะห์รุ่นเคลือบผิวพิเศษ นวัตกรรมใหม่แห่งวงการไม้สังเคราะห์ นอกจากจะสามารถจบทุกปัญหาของไม้จริงแล้ว ยังแก้ไขข้อจำกัดอื่น ๆ ของไม้สังเคราะห์ทั่วไปด้อีกด้วย

ที่สุดแห่งนวัตกรรม No.1 Co- Extrusion

หากลองศึกษาอย่างจริงจัง ศัพท์วิชาการที่ค่อนข้างเข้าใจยากชวนปวดหัว จึงขออธิบายง่าย ๆ ว่า ไม้สังเคราะห์แบบเดิม ๆ ผลิตแบบ Extrusion

Extrusion คือกระบวนขึ้นรูปแผ่นพลาสติกที่มีมาอย่างยาวนาน หากเปรียบไม้สังเคราะห์เป็นผลส้ม ก็คือเนื้อส้มที่อยู่ด้านใน หากผิวโดนอากาศ สภาพแวดล้อมภายนอก ย่อมแห้งเหี่ยว และเสียเร็วขึ้น

จึงมีการพัฒนามาเรื่อย ๆ จนถึงกระบวนการผลิตแบบ Co-Extrusion

Co-Extrusion คือกระบวนการเคลือบปิดผิวไม้สังเคราะห์ ซึ่งมีการเคลือบหลากหลายแตกต่างกันไป

การเคลือบผิวพิเศษ UltraShield แบบ 360 องศา

หากเปรียบกับผลส้ม การเคลือบนี้คือเปลือกที่ห่อหุ้มลูกส้มทั้งใบ ปกป้องเนื้อส้มด้านในไม่ให้เสียหายจากสภาพแวดล้อมภายนอก ผลที่ได้คือ ส้มอยู่ได้นานขึ้น เช่นเดียวกับไม้สังเคราะห์ ที่คงทน

มาดูข้อดีและข้อจำกัดของไม้สังเคราะห์ WPC กันเถอะ

ข้อดี

  • ไม้นวัตกรรมใหมล่าสุด เทคโนโลยี UltraShield
  • ป้องกันการดูดซึมคราบ
  • หุ้มโพลีเมอร์ 360 องศา ช่วยคงคุณภาพของสีสันให้ยาวนาน
  • สีสันหลากหลาย สวยงาม เหมือนไม้ธรรมชาติ
  • ทนแดด ทนร้อนเหมาะกับสภาพอากาศประเทศไทย
  • ทนฝน ไม่ซึมน้ำ ไม้ไม่บวม
  • หมดปัญหา เรื่องปลวกและเห็ดรา
  • ทำความสะอาดและดูแลรักษาง่ายด้วยตนเอง
  • ไม้ไม่บิด ไม่โก่ง ยืดหดตัวน้อยกว่า เมื่อเทียบกับไม้เทคโนโลยีที่เก่ากว่า
  • ทนทานต่อแรงกระแทก เมื่อเทียบกับไม้กลุ่ม ไฟเบอร์ ซีเมนต์สามารถทำมาทดแทนการใช้ไม้จริงได้หลายหลาย เช่น พื้น ระแนง เชิงชาย ฝ้า ผนัง

ข้อจำกัด

  • ราคาสูงกว่าไม้ไฟเบอร์ซีเมนต์
  • ต้องติดตั้งตามแบบติดตั้งที่ผู้ผลิตกำหนดเท่านั้น
  • ต้นทุนในการผลิตสูงกว่า เมื่อเทียบกับไม้เทคโนโลยีที่เก่ากว่า เพราะ ขั้นตอนการผลิตที่มากกว่า
  • ในประเทศไทยช่างติดตั้งยังมีจำนวนไม่มาก (ผลสำรวจจาก ปี พ.ศ. 2562 – 2564 )
  • รูปแบบการนำไปใช้งานจำเพาะเจาะจง ผลิตเพื่อให้ตรงกับ
  • การใช้งานเฉพาะทาง

ลองดูว่าผลิตภัณฑ์แบบไหนที่ พอเหมาะพอสม ตรงตามความต้องการและการใช้งานของคุณ แล้วเลือก ผลิตภัณฑ์ทดแทนไม้จริง แบบใดก็ได้ เพราะอนาคตของโลกใบนี้อยู่ที่เราทุกคน

ที่มา : KSWOOD




วันศุกร์ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2561

เมคอัพช่วยได้! เทรนด์การแต่งหน้าสาวเกาหลี สวยหรูดูแพง

เมคอัพช่วยได้! เทรนด์การแต่งหน้าสาวเกาหลี สวยหรูดูแพง


เมคอัพช่วยได้! เทรนด์การแต่งหน้าสาวเกาหลี สวยหรูดูแพงเมคอัพช่วยได้! เทรนด์การแต่งหน้าสาวเกาหลี สวยหรูดูแพง เกี่ยวกับ แต่งหน้าเกาหลี

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า การแต่งหน้าแบบสาวเกาหลียังไง๊ ยังไงก็ยังคงความสวยใสมาแรงไม่เคยตกยุค

การแต่งหน้าสไตล์เกาหลี เป็นการแต่งหน้าแบบเผยผิว แต่งดวงตาให้ด้วยการกรีดอายไลเนอร์เส้นคม เพิ่มความแบ๊วด้วยการทาลิปสติกไล่สี วันนี้ Sanook! Women จะพาสาวๆ ไปชม How To จาก Da Sol Lee สาวเกาหลีวัย 20 ปี กับการแต่งหน้าที่สาวไทยสามารถนำมาแต่งไปปาร์ตี้กับแก๊งค์เพื่อนสาว หรือจะแต่งไปเดทกับชายหนุ่มก็ให้ลุคคุณหนูใสๆ ว่าแต่จะมีขั้นตอนอะไร และมีเครื่องสำอางตัวไหนกันบ้าง ตามมาดูกันได้เลย (แอบบอกด้วยว่าเครื่องสำอางที่เธอใช้บางตัวคุ้นตาสาวไทยอยู่หลายแบรนด์เลยนะคะ)


"เครื่องสำอางที่ใช้" เครื่องสำอางขายส่ง
- Tony Moly Luminous Goddess Aura Goddess Maker เตรียมผิวหน้าให้สวยเนียนด้วยบีบีครีม ตัวช่วยให้ผิวฉ่ำและผ่องมีออร่า
- Espoir pro tailor liquid foundation รองพื้นที่โด่งดังในประเทศเกาหลีมากๆ ตัวนี้จะช่วยให้
- NO-SEBUM Mineral Powder แป้งฝุ่นเนื้อสีขาว
- VDL expert color primer for eyes ทาไพร์เมอร์ที่เปลือกตาบนและล่าง เพื่อให้ติดทนและสีสวยขึ้น
- Skinfood choco powder eyebrow wood pencil สร้างโครงคิ้วให้ได้รูปด้วยดินสอเขียนคิ้ว และใช้แปรงปัดคิ้วให้สีเสมอกัน
- Powder Block ไฮไลท์ที่ใต้โหนกคิ้ว
- ABBAMART Eyes On Me Eyeshadow ใช้แปรงหัวเล็กอายแชโดว์สีน้ำตาล ทาบริเวณรอบพับเปลือกตาด้านบน เครื่องสำอางเกาหลี
- Espoir Eyeshadow ทาอายแชโดว์กลิตเตอร์สีทองอ่อนๆ ที่ชั้นตาที่เราเว้นไว้
- Stila Smudge Creyon อายแชโดว์สีทองในรูปแบบแท่ง ทาที่หัวตา จะควบคุมได้ง่ายแต่ติดทนกว่าการใช้มือ
- CLIO Pro Single Shadow สีม่วงพลัม เทคนิคง่ายๆ ที่จะช่วยให้ดวงตาดูโตขึ้นคือการทาที่หางตาและหัวตา เว้นที่ว่างตรงกึ่งกลางไว้
- Etude Look at My Eyes ทาอายแชโดว์สีทองทับสีม่วง โดยเว้นกึ่งกลางดวงตาไว้เหมือนเดิม
- Stila Magnificent Metals Foil Finish Eyeshadow สี Comex Gold ทากึ่งกลางที่เราเว้นไว้ การใช้กลิตเตอร์ทาตรงกลางจะช่วยให้ดวงตาดูโดดเด่นและโตขึ้นค่ะ
- Moonshot Line Performer Liqui กรีดอายไลเนอร์เส้นเล็ก ลุคนี้ต้องเขียนหางเฉี่ยวๆ หน่อยนะคะ
- HAROOMI False Lashes NO.32 ขนตาปลอมแบบธรรมชาติไม่หนามา กำลังพอดีเลยค่ะ
- Peripera Wholly Deep ปัดมาสคาร่าทับขนตาปลอมอีกนิดหน่อย
- CLIO kill cover pro artist liquid concealer เก็บรายละเอียดอายแชโดว์ที่ล่วงใต้ตาด้วยการทาคอนซีลเลอร์บางๆ ทับอีกรอบ และใช้อายแชโดว์ตัวเดิมทาจุดไฮไลท์ของใบหน้า กึ่งกลางหน้าผาก ส้นจมูกและปลายคางค่ะ
- Innisfree Face Designing Duo no.3 ปัดบรอนเซอร์ที่ข้างแก้มทั้งสองข้าง และสร้างจมูกให้โด่งได้ในพริบตาด้วยการทาที่หัวคิ้วไล่ลงมาจนถึงปีกจมูก
- Bobbi brown bronzing powder no.2 ใช้ตัวนี้แทนบรัชออนได้เลยค่ะ
- Etude Face Designing Brightener สี wannabe face ใช้ไฮไลท์ทาบริเวณส้นจมูก โหนกแก้ม ให้ใบหน้าวิ้งๆ โกลว์ๆ แบบสาวเกาหลี
- Yve Saint Laurent kiss & blush No.10 ลิปสติกสีชมพู
- Etude Color Lips-fit ทาลิปสติกสีส้มด้านใน เมื่อผสมกับสีชมพูแรกที่ทาแล้วดูเข้ากันมากๆ เลยค่ะ

ลุคนี้ของ Da Sol Lee นอกจากดูสวยหวานซ่อนเปรี้ยวแล้ว ยังมีการเติมหัวใจเล็กๆ ที่ปลายจมูก ดูเก๋ไก๋และเป็นเทรนด์ฮิตของสาวเกาหลีสุดๆ เลยค่ะ

ที่มา : https://www.sanook.com/women/45045/

สำหรับผู้ที่กำลังมองหาเครื่องสำอาง จากผู้ที่ขายส่งเครื่องสำอางรายใหญ่ระดับประเทศสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่
hi-snowshop.com ค่ะ

ขอบคุณค่ะ